หลักสูตรและสาขาที่เรียน

ผมเรียนที่ Graduate School for Innovation and Practice for Smart Society (SMASO) ซึ่งอยู่ติดกับวิทยาเขตของมหาวิทยาลัยฮิโรชิม่า (HU) ในอาคาร IDEC ซึ่งเป็นอาคารนานาชาติที่มีนักศึกษาต่างชาติจำนวนมากจากอาเซียนและแอฟริกาที่ได้รับการสนับสนุนจาก JICA, MEXT และโปรแกรมอื่นๆ มีเพียงหลักสูตรของผมเท่านั้นที่เรียนในอาคาร IDEC แต่ห้องแล็บของผมอยู่ในอาคารวิศวกรรมที่ชั้นของสถาปนิก ก่อนที่จะมาญี่ปุ่นผมทำงานให้กับรัฐบาลเยอรมนี (GIZ) เกี่ยวกับพลังงานสะอาดและเศรษฐกิจหมุนเวียนในเวียดนาม ผมมาที่มหาวิทยาลัยฮิโรชิม่าเพื่อศึกษาเกี่ยวกับเครื่องปรับอากาศและปั๊มความร้อน นั่นเป็นเหตุผลที่ที่ปรึกษาทางวิชาการของผมคือศาสตราจารย์ Sayaka Kindaichi เนื่องจากผมสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์ การวิจัยของผมจึงมุ่งเน้นไปที่กฎหมายการวางแผนระบบทำความร้อนในเขตเทศบาลใหม่ของเยอรมนีและการตัดสินใจจัดซื้อของช่างเทคนิคด้าน HVAC เนื่องจากญี่ปุ่นเป็นประเทศแห่งเครื่องปรับอากาศและปั๊มความร้อน จึงเป็นสภาพแวดล้อมที่ดีเยี่ยมในการทำความเข้าใจมุมมองของญี่ปุ่นเกี่ยวกับเรื่องนี้ และผมหวังว่าเมื่อเรียนปริญญาโทผมจะมีโอกาสทำงานเกี่ยวกับปั๊มความร้อนระหว่างญี่ปุ่นและเยอรมนี

บัณฑิตวิทยาลัยในประเทศญี่ปุ่น

การต้องสมัครเรียนปริญญาโทพร้อมทำโครงการวิจัยไปด้วยทำให้ต้องมุ่งเน้นกับการวิจัยในแต่ละวันมากขึ้น ซึ่งแตกต่างจากในเยอรมนี เนื่องจากผมมีประสบการณ์การทำงานมาพอสมควร ผมจึงอยากเรียนเพื่อต่อยอด วิทยาเขตของมหาวิทยาลัยฮิโรชิม่า (HU) ให้การสนับสนุนผมเกี่ยวกับข้อมูลเบื้องต้น รวมทั้งระบบของญี่ปุ่นที่มีหลักสูตร 12 เดือนใน 4 ภาคการศึกษาและ 12 เดือนสำหรับการวิจัย ช่วยให้นักวิจัยสามารถรวบรวมข้อมูลด้วยการทดลองหรือโดยใช้แบบสอบถามได้

การเรียนปริญญาโทในเยอรมนีมักจะเรียนต่อเนื่องกัน 2 ปี และส่วนใหญ่มีเวลาเพียง 6 เดือนสำหรับการวิจัย อาจารย์จึงไม่มีเวลาเหลือมากนัก และนักศึกษาจะศึกษาค้นคว้าจากห้องสมุด หากในระหว่างการทำงาน ผมต้องการความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม/เทคนิคเพิ่มเติม จะต้องเรียนปริญญาตรีอีกครั้งในเยอรมนี (เนื่องจากหลักสูตรปริญญาโทส่วนใหญ่ในเยอรมนีมีลักษณะต่อเนื่องกับปริญญาตรี) ในญี่ปุ่นแบ่งภาคเรียนให้นักศึกษาทำงานวิจัยเพื่อให้ทันกับข้อกำหนดในการเข้าเรียนที่จำเป็น อย่างไรก็ตาม ผมไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น เพราะสำหรับปริญญาโท การสอบเข้าของผมเป็นการนำเสนอออนไลน์ และหลักสูตรเป็นภาษาอังกฤษ

หลักสูตรปริญญาโทของผมเป็นภาษาอังกฤษ แต่น่าเศร้าที่หลักสูตรภาษาอังกฤษ 40% คุณภาพไม่ดีนัก และภาษาญี่ปุ่นของผมก็ยังไม่ดีพอที่จะเรียนเป็นภาษาญี่ปุ่น อาจารย์ของผมจัดให้มีห้องเรียนแบบไม่เป็นทางการเพิ่มเติมเพื่อส่งเสริมการสนทนาทางวิชาการระหว่างเพื่อนร่วมห้องแล็บชาวญี่ปุ่นของผมที่ไม่เก่งภาษาอังกฤษและผมที่ไม่เก่งภาษาญี่ปุ่น อาจารย์ส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษได้ดีและพวกเขายินดีช่วยเหลือเสมอ

การผสมผสานระหว่างธรรมชาติและชีวิตในเมือง

มหาวิทยาลัยฮิโรชิม่าและเมืองฮิงาชิฮิโรชิม่าเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมสำหรับการศึกษา การเคยทำงานในฮานอยก่อนที่จะมาใช้ชีวิตในเมืองฮิงาชิฮิโรชิม่าที่เงียบสงบทำให้รู้สึกดีอย่างมาก มหาวิทยาลัยฮิโรชิม่ามีสวนสาธารณะที่สวยงามอยู่ตรงกลาง ทุกวันผมจะปั่นจักรยานไปตามแม่น้ำคุโรเซะ ในตอนกลางคืนผมจะเดินไปที่บ่อน้ำของโรงกลั่นสาเกไซโจเพื่อดื่มน้ำที่สดชื่นและอร่อย นอกจากนี้ ยังสามารถเดินทางไปยังเมืองโอโนมิจิที่สวยงามโดยใช้เวลาหนึ่งชั่วโมง หรือใช้เวลาเดินทาง 40 นาทีไปยังตัวเมืองฮิโรชิม่าซึ่งมีแม่น้ำที่สวยงามและแหล่งช็อปปิงมากมาย ในฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง ผมจะปั่นจักรยานข้ามภูเขาไปยังเมืองทาเกฮาระ ไม่เพียงเท่านั้น ฮิโรชิม่ายังเชื่อมต่อกับคันไซ ชิโกกุ และคิวชู สำหรับผู้รักธรรมชาติแล้ว ที่นี่เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การมาเยี่ยมชม

อะพาร์ตเมนต์ของผมเป็นแบบ 2LDK (2 ห้องนอน) ค่าเช่า 55,000 เยนต่อเดือน ผมมีคนรู้จักเช่าห้องในราคา 20,000 เยนด้วย ผมมักจะไปซื้อของที่ตลาดนัดเกษตรกรซึ่งมีอาหารขายในราคาถูก ผมปั่นจักรยานไปทุกที่ที่อยากไป แค่คิดถึงพื้นที่อันกว้างใหญ่ ทัศนียภาพเมืองที่ซับซ้อน และระบบขนส่งมวลชนในโตเกียวหรือคันไซก็ทำให้ผมเครียดแล้ว นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องในการเดินทางไปมาทุกวันในเขตมหานครใหญ่ๆ ฮิงาชิฮิโรชิม่าเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพถูกมาก

ความท้าทายของการใช้ชีวิตในญี่ปุ่น

อาคารในญี่ปุ่นไม่มีฉนวนป้องกันความร้อน ซึ่งเป็นปัญหาในฤดูหนาวและฤดูร้อน เมื่อค่าไฟฟ้าแพงขึ้นและการใช้ชีวิตไม่ค่อยสะดวกสบาย มีอาคารเก่าที่มีผนังพลาสติกราคาถูกจำนวนมาก ดังนั้นการหาอะพาร์ตเมนต์ที่ดีจึงไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพราะเอเจนซีส่วนใหญ่ไม่พูดภาษาอังกฤษและไม่ให้เช่าแก่ชาวต่างชาติ เพื่อนนักศึกษาของผมช่วยเหลือผมเป็นอย่างดี และผมคงทำไม่ได้เลยถ้าไม่มีเธอ! ในเวียดนามที่ผมเคยอาศัยอยู่ อะพาร์ตเมนต์มีเฟอร์นิเจอร์ครบครัน แต่สำหรับชาวต่างชาติอาจมีราคาแพง ในเยอรมนี เราต้องหาเฟอร์นิเจอร์สำหรับอะพาร์ตเมนต์เองด้วย และค่าเช่าและเฟอร์นิเจอร์ในญี่ปุ่นถูกกว่าในเยอรมนีมาก ดังนั้นโดยทั่วไปแล้ว ผมจึงมีประสบการณ์ที่ดี ในเยอรมนี คนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตในอะพาร์ตเมนต์แบบแชร์ร่วมกัน ซึ่งในญี่ปุ่นไม่ค่อยมีแบบนั้น ดังนั้นการใช้ชีวิตจึงค่อนข้างเหงาเล็กน้อย

โรงอาหารของมหาวิทยาลัยในญี่ปุ่นไม่ดีต่อสุขภาพเท่าไร ไม่เป็นมิตรกับผู้ทานมังสวิรัติ และมีราคาแพงเล็กน้อย ผมมีครัวที่ดี แต่ส่วนใหญ่แล้วอะพาร์ตเมนต์ของนักศึกษามีขนาดเล็ก ดังนั้นการทำอาหารและเตรียมอาหารในครัวเล็กๆเหล่านี้จึงยุ่งยากมาก นอกจากนี้การออกแบบถนนในหลายๆ แห่งในญี่ปุ่นไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อรองรับนักปั่นจักรยาน แต่ก็มีอากาศบริสุทธิ์และการค้นหาเส้นทางปั่นจักรยานที่ยอดเยี่ยมจึงต้องใช้เวลาสักหน่อย ในญี่ปุ่นมักจะมีความกังวลเกี่ยวกับภัยธรรมชาติอยู่เสมอ ไซโจเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในญี่ปุ่นเมื่อเกิดแผ่นดินไหว แต่ก็อาจเกิดน้ำท่วมได้ ถึงแม้ตอนนี้ยังไม่มีเหตุภัยพิบัติอะไรเกิดขึ้น แต่บางครั้งเราก็ได้รับคำเตือนว่าควรอยู่บ้าน ด้วยความที่ผมอายุมากกว่า 30 ปีแล้ว และญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ 5 ที่ผมอาศัยอยู่ ผมจึงรู้วิธีปรับตัวให้เข้ากับสภาพความเป็นอยู่ที่แตกต่างกัน

ใช้เวลาในญี่ปุ่นอย่างเพลิดเพลินอย่างไร

ทุกวันจันทร์ เวลา 14.00-18.00 น. ผมจะเรียนซาโด (พิธีชงชาญี่ปุ่น) ส่วนในวันอังคารและวันอาทิตย์ตอนเย็น ผมจะเรียนไอคิโด ผมชอบไปที่เมืองโอโนมิจิ ซึ่งสามารถนั่งรถไฟไปได้ และปั่นจักรยานรอบไซโจด้วยจักรยานไฟฟ้าของผม เพื่อนๆ และครอบครัวหลายคนมาเยี่ยมผมที่ญี่ปุ่น ผมไปเที่ยวกับพวกเขาที่เมืองอูจิ โอซาก้า อิเซะ นาโอชิมะ คันอนจิ และมิยาจิมะ